วันที่ 28 สิงหาคม 2566 กลับมาเป็น “ดราม่า” ข้อถกเถียงในสังคมไทยอีกครั้งกับ “การใช้บริการรถแท็กซี่” เมื่อเพจฟซบุ๊ก “สมาคมแท็กซี่ไทย” เผยแพร่บทความ “ข้อแนะนำในการใช้รถแท็กซี่แบบสร้างความพึงพอใจร่วมกัน” เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2566 มี 6 ข้อ คือ
1.ยืนให้ถูกฝั่ง เพื่อเป็นการทำให้ผู้โดยสารได้รถไวขึ้นและลดการปฏิเสธของคนขับรวมถึงการตีเปล่า
2.ถามก่อนขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันการทำให้หงุดหงิดทั้งสองฝ่ายและเป็นการสร้างมารยาทในการใช้รถที่ถูกต้อง
3.อย่าลืมทิป กรณีมีสิ่งของเยอะ หรือให้คนขับพาลัดและอื่นๆ เพื่อเป็นการแสดงความมีน้ำใจต่อคนขับ
4.ไม่เรียกร้อง เข่น การขอเพลง ขอเร่งแอร์ ขอเปิดกระจก ขอแวะรับเพื่อน ขอจอดซื้อของ ขอให้บรรทุกเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ขอให้คนขับเร่งแซงคันอื่น
5.ไม่รบกวนหรือแซงคิว เช่น การขอชาร์จไฟในรถ การใช้โทรศัพท์โดยเปิดลำโพง การแวะกดเงินหรือการขอให้คนขับออกเงินไปก่อน และควรเรียกแท็กซี่ตามคิวที่ออก
6.เรียกแกร็บแท็กซี่ กรณีชั่วโมงเร่งด่วนหรือสถานที่ที่คาดว่าอาจจะเรียกรถุแท็กซี่ยาก เพื่อเป็นการลดอคติกับคนขับแท็กซี่โดยรวม
ในเวลาต่อมา วันที่ 26 ส.ค. 2566 เผยแพร่บทความ “สิ่งที่ผู้โดยสารควรรู้เวลาขึ้น TAXI” ซึ่งมี 5 ข้อ ดังนี้
1.การเรียกรถ ไม่เรียกรถในลักษณะกระชั้นชิดหรือยืนในจุดล่อแหลม เช่น ทางร่วม ทางแยก ป้ายรถเมล์
2.การให้รถหยุด ไม่ควรให้คนขับหยุดจอดส่งบริเวณจุดห้ามจอด เส้นขาวแดง ซอยแคบ
3.การนั่งในรถ ไม่ปรับเอนเบาะเกินสมควร ไม่ยกเท้าขึ้นเบาะ ไม่พูดคุยส่งเสียงดังและไม่เปิดลำโพงรวมถึงทานสิ่งของทุกชนิด
4.การใช้รถ ระบุจุดหมายที่จะลงให้ชัดเจน ต้องการไปทางไหนแจ้งคนขับก่อนล่วงหน้า หากมีโรคประจำตัวควรแจ้งคนขับเช่นเมารถหรือติดโควิด
5.การลงจากรถ เตรียมเงินให้พอดีและตรวจดูสิ่งของก่อนลงจากรถทุกครั้ง รวมถึงจดจำรถที่่นั่งด้วยทุกครั้ง
ล่าสุดวันที่ 28 ส.ค. 2566 ทางเพจได้โพสต์ภาพเป็นข้อความระบุว่า ประกาศ สมาคมแท็กซี่ไทย ชี้แจงข้อเท็จจริงการออกข้อแนะนำในการใช้รถแท็กซี่
1.เพื่อให้เกิดความสงบสุขขึ้นในบ้านเมือง
2.เพื่อให้เกิดการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3.เพื่อลดการทุจริตและข้อร้องเรียน
4.เพื่อสร้างบรรทัดฐานและมารยาทในการใช้รถแท็กซี่ที่ถูกต้อง
แน่นอนว่าเพจดังกล่าวเจอ “ทัวร์ลง” ชาวเน็ตเข้าไปแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือด และแนะนำกันว่าให้ไปใช้บริการรถรับ-ส่งผ่านแอปพลิเคชั่นกันดีกว่า หากการเรียกแท็กซี่มันจะต้องยุ่งยากคิดเยอะขนาดนี้ ขณะที่ทางเพจก็ชี้แจงอยากให้เห็นใจกันบ้างโดยเฉพาะต้นทุนค่าพลังงานที่แพงขึ้น แต่ก็ถูกสวนกลับว่าถ้าไม่ไหวขาดทุนก็เลิกไป หรือไม่ก็ต้องไปเรียกร้องกับรัฐไม่ใช่กับผู้บริโภค
/