วันนี้ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจ เรื่อง ความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์ต่อความมั่นคงของชาติและประชาชน กรณีศึกษาตัวอย่างเจ้าหน้าที่รัฐในหน่วยงานเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ จำนวนทั้งสิ้น 223 ราย ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1 - 26 สิงหาคม พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา
พบประเด็นที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ เจ้าหน้าที่รัฐด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ร้อยละ 51.2 เคยตกเป็นเหยื่อ ได้แก่ คลิกลิงก์ล่อเหยื่อ ,เข้าใช้งานบริการออนไลน์ไม่ได้ ,ถูกหลอกดูดเงิน ,ถูกขโมยชื่อผู้ใช้งานและรหัส เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 48.8 ไม่เคย
ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งเช่นกัน คือ เจ้าหน้าที่รัฐด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยงความไม่ปลอดภัย พบว่า ร้อยละ 98.9 ไม่ทราบแผนรับมือที่ชัดเจนครบถ้วนในภาวะฉุกเฉินจากการถูกโจมตีระบบไอที นอกจากนี้ ร้อยละ 96.3 ไม่ทราบว่า ตนเองอาจจะตกเป็นตัวกลางในการโจมตีระบบไอทีของหน่วยงานได้ และร้อยละ 95.6 ไม่ได้ปฏิบัติตามนโยบายที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ครบถ้วน ร้อยละ 87.6 ระบุ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเคยถูกโจมตี และร้อยละ 84.6 ระบุ ใช้รหัสผ่านที่ถูกกำหนดจากผู้ให้บริการในอุปกรณ์ไอที ซึ่งถือว่าเจ้าหน้าที่รัฐด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ส่วนใหญ่ตกอยู่ในความเสี่ยงสูงต่อความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์
ที่น่าพิจารณาคือ ความพร้อมของเจ้าหน้าที่รัฐในการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์มีต่ำ คือ มีเพียงร้อยละ 10.4 เท่านั้น ที่ใช้ระบบความปลอดภัยแบบยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอนเป็นประจำมากที่สุด ร้อยละ 8.1 ระบุ ยึดหลักธรรมาภิบาลมากที่สุดในความโปร่งใส ความรับผิดชอบ การตอบสนองต่อเหตุความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์ การเคารพในสิทธิความเป็นมนุษย์ สิทธิส่วนบุคคล และความเข้าอกเข้าใจความเสียหายของ เหยื่อความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์ อยู่บนหลักคุณธรรม จริยธรรม ร้อยละ 6.0 ระบุในการอบรมด้าน ความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ผ่านมามีผลดีนำมาประยุกต์ใช้ต่อยอดได้ดีมากที่สุด ในขณะที่เพียงร้อยละ 2.2 ระบุ บุคลากรในหน่วยงานของรัฐที่ท่านปฏิบัติงานอยู่ ให้ความร่วมมือในการตอบสนองต่อเหตุความไม่ปลอดภัยทางไซเบอร์มากที่สุด และร้อยละ 1.1 เท่านั้นที่ระบุ ได้รับการอบรมทันสมัยอยู่เสมอมากที่สุดในเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์