วันนี้ (17 ส.ค. 66) ที่บริเวณหน้ากระทรวงการคลัง มีกลุ่มมวลชนจำนวนหนึ่ง นำโดยเครือข่ายสลัมสี่ภาค เครื่อข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ และเครือข่ายรัฐสวัสดิการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม (We Fair) รวมตัวปกป้องสิทธิสวัสดิการประชาชน พร้อมยื่นข้อแถลงการณ์ร่วมเครือข่ายประชาชน 53 องค์กร 1,468 รายชื่อ คัดค้านการตัดเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ ต่อปลัดกระทรวงการคลัง เนื่องจากกลุ่มดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ รับจ้างทั่วไป รายได้น้อยไม่เพียงพอรายจ่าย ได้รับผลกระทบจากการออกระเบียบกระทรวงมหาดไทย และหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยเพิ่มคุณสมบัติการเป็นผู้ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เพียงพอแก่การยังชีพ เป็นเงื่อนไขในการรับเบี้ยยังชีพ ทั้งที่ในปี 2552 สวัสดิการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุถูกปรับจากระบบสงเคราะห์คนยากไร้อนาถา เป็นสิทธิสวัสดิการระบบทั่วหน้า ขอเพียงให้มีอายุ 60 ปี ไม่ได้รับสวัสดิการ หรือบำนาญอื่นใดจากรัฐในลักษณะเดียวกัน แต่เมื่อเข้าสู่ปี 2557 มีการพิสูจน์ความยากจน แสดงถึงความไม่เชื่อมั่นในระบบสวัสดิการถ้วนหน้า จึงขอเรียกร้องให้กลับไปใช้ระบบเดิม คงสิทธิถ้วนหน้า ไม่ต้องพิสูจน์ความยากจน และตัดสิทธิ์สวัสดิการซ้ำซ้อนไว้แล้ว พร้อมออกเป็นกฎหมายรองรับ ,คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติต้องออกมาปกป้องสิทธิของผู้สูงอายุทุกคน ,ตัดงบรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และรัฐบาลใหม่ต้องผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้รัฐสวัสดิการเกิดขึ้น ด้านประชาชนที่มาร่วมคัดค้านในวันนี้กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า รายได้ไม่เพียงพอรายจ่าย ขณะที่ข้าวของแพงขึ้น ไม่มีงานประจำ อาศัยรับจ้างทั่วไป บางคนถูกนายจ้างลดเงิน เนื่องจากเป็นผู้สูงอายุ จึงอยากให้ภาครัฐเร่งช่วยเหลือ และในวันเดียวกันนี้กลุ่มมวลชนจะเดินทางต่อไปที่ กระทรวงมหาดไทย และที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ด้วยเพื่อยื่นข้อแถลงการณ์ดังกล่าว