สำนักข่าวกลางเกาหลี หรือเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือ รายงานว่าคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เดินทางเยี่ยมโรงงานผลิตอาวุธสำคัญของประเทศ รวมถึงโรงงานผลิตขีปนาวุธทางยุทธวิธี โรงงานผลิตแท่นยิงเคลื่อนที่ ยานเกราะ และกระสุนปืนใหญ่ เมื่อวันศุกร์และวันเสาร์ที่ผ่านมา เป็นการเยือนครั้งล่าสุดในซีรี่ส์การเยือนโรงงานด้านการป้องกันประเทศต่างๆ ของนายคิม ที่เขาก็เคยประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า ให้เพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้น ในการเยือนดังกล่าว คิม จอง-อึน ระบุว่า ระดับคุณภาพของการเตรียมการในสงคราม ขึ้นอยู่กับการพัฒนาอุตสาหกรรมอาวุธยุทโธปกรณ์ และโรงงานเหล่านี้มีหน้าที่สำคัญมากในการเร่งเตรียมการสงครามของกองทัพประชาชนเกาหลี นอกจากนี้คิม จอง-อึน ยังสั่งให้ยกระดับการผลิตเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง ให้มากขึ้น และให้เดินเครื่องผลิตยานหุ้มเกราะอเนกประสงค์สำหรับต่อสู้อีกด้วย ที่ผ่านมา คิม จอง-อึน ได้เน้นไปที่การเดินหน้าขยายคลังอาวุธนิวเคลียร์ และขีปนาวุธ นับตั้งแต่ที่การเจรจาหารือทางการทูตระหว่างเขากับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ล่มลงเมื่อปี 2562 และนับตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว กองทัพเกาหลีเหนือได้ทำการยิงทดสอบขีปนาวุธมากกว่า 100 ครั้ง เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ที่มีการซ้อมรบร่วมกันอย่างต่อเนื่องซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ท้ายที่สุดแล้ว คิม จอง-อึน ตั้งเป้าจะพัฒนาอาวุธให้ทันสมัยมากขึ้นเพื่อรับมือและกดดันสหรัฐฯ เช่น การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตร หรือการเดินหน้าเจรจาทางการทูตกับสหรัฐฯ อีกครั้ง ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเกาหลีเหนือ เกิดขึ้นขณะที่หลายฝ่ายคาดกันว่า เกาหลีเหนือจะมีการยิงทดสอบขีปนาวุธเร็วๆ นี้อีกในขณะที่สหรัฐฯ และเกาหลีใต้เตรียมความพร้อมในการซ้อมรบประจำปี ที่เกาหลีเหนือมองว่าเป็นการซ้อมรุกรานเกาหลีเหนืออีกทั้งยังมีขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า เชื่อว่ารัสเซียกำลังมองหาหนทางในการรับอาวุธจากเกาหลีเหนือ เพื่อภารกิจในสงครามยูเครน หลังจากเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ทำเนียบขาวระบุว่า เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ประเมินว่า เซอร์เกย์ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย ได้หารือกับเจ้าหน้าที่ของเกาหลีเหนือ ระหว่างการเยือนกรุงเปียงยางเมื่อเดือนที่แล้วนั้น ได้หารือเรื่องการยกระดับการจำหน่ายลูกกระสุนให้กับรัสเซีย เพื่อสงครามในยูเครน ซึ่งสหรัฐฯ ยอมรับว่ากังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศในอีกด้านหนึ่ง คิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ยังเดินทางไปตรวจสอบความเสียหายของพื้นที่แปลงเกษตรทางตะวันออกของประเทศ ก่อนกล่าวตำหนิเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ว่า มีทัศนคติการทำงานที่ไม่รับผิดชอบและเป็นปัญหาเรื้อรังแก้ไม่ได้ จึงไม่ได้กระตือรือร้นดำเนินการตามมาตรการของส่วนกลาง ทำให้ภูมิภาคส่วนนี้ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วม อันเป็นผลพวงจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนขนุน มากกว่าพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ