อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ขณะเดินทางมาขึ้นศาลในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม หลังถูกอัยการของกระทรวงยุติธรรมฟ้องร้องคดีสมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงประชาชนอเมริกัน และล้มล้างผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2563 (Photo by OLIVIER DOULIERY / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2566 กล่าวว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เดินทางมาขึ้นศาลในคดีสมรู้ร่วมคิดในการฉ้อโกงประชาชนอเมริกัน และล้มล้างผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2563 ตามคำฟ้องความยาว 45 หน้าซึ่งยื่นโดยแจ็ค สมิธ อัยการพิเศษของกระทรวงยุติธรรม ทรัมป์ยื่นคำร้องในระหว่างการพิจารณาคดีที่กินเวลานานเกือบ 30 นาทีที่ศาลในกรุงวอชิงตัน ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่ผู้สนับสนุนของเขาหลายร้อยคนถูกตัดสินลงโทษจากพฤติกรรมที่มีส่วนในการโจมตีอาคารรัฐสภาของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 "ไม่มีความผิด" ทรัมป์กล่าวหลังจากผู้พิพากษาโมซิลา อูปาดยายา อ่านคำฟ้องความผิดทางอาญา 4 กระทงและแจ้งโทษจำคุกสูงสุดที่อาจเกิดขึ้นต่อตัวเขาในฐานะจำเลย ก่อนหน้านี้ อดีตประธานาธิบดีวัย 77 ปี กล่าวกับสื่อว่า ทุกคดีที่มุ่งเป้าที่ตัวเขา ล้วนแล้วแต่เป็นการประหัตประหารฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ซึ่งถือเป็นเรื่องเศร้าของอเมริกาที่มีความพยายามดึงกระบวนการทางกฏหมายมาใช้กดขี่ข่มเหงบุคคลที่เป็นผู้นำของพรรครีพับลิกัน หลังจำเลยปฏิเสธข้อหาที่ถูกฟ้องต่อหน้าศาล ผู้พิพากษาจึงได้นัดพิจารณาคดีครั้งถัดไปในวันที่ 28 สิงหาคม ที่ศาลแขวงสหรัฐ ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดในคดีนี้ ในการมาขึ้นศาลครั้งนี้ มีผู้ชุมนุมกลุ่มเล็กๆ ถือป้ายประท้วงอยู่ด้านนอก ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยแน่นหนารอบสำนักงานศาล ข้อกล่าวหาที่ว่าทรัมป์และผู้สมรู้ร่วมคิดที่ไม่เปิดเผยชื่ออีก 6 คนวางแผนจะล้มล้างการเลือกตั้งในปี 2563 ถือเป็นคดีที่ร้ายแรงที่สุดและเป็นอุปสรรคสำคัญในการกลับสู่ทำเนียบขาวของเขา แจ็ค สมิธ อัยการพิเศษของกระทรวงยุติธรรมและอดีตอัยการอาชญากรสงครามที่กรุงเฮก ได้ตั้งข้อหาทรัมป์ว่าสมคบคิดฉ้อโกงประชาชนสหรัฐฯ, สมรู้ร่วมคิดและขัดขวางการดำเนินการของทางการ และพยายามละเมิดสิทธิผู้เลือกตั้งด้วยการกล่าวอ้างว่าตัวเองคือผู้ชนะการเลือกตั้ง นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมีคดีค้างในศาลฟลอริดาจากการถูกฟ้องข้อหาจัดการเอกสารลับของรัฐบาลโดยมิชอบ และอดีตประธานาธิบดีสหรัฐยังถูกพิจารณาคดีในนิวยอร์กด้วยข้อหาจ่ายเงินก่อนวันเลือกตั้งให้กับดาราหนังโป๊ ซึ่งเขาก็ยืนกรานว่าตัวเองไม่มีความผิดในทั้งสองกรณี ในช่วงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์ยังเคยถูกถอดถอนโดยสภาผู้แทนราษฎรที่ควบคุมเสียงข้างมากโดยพรรคเดโมแครต ภายใต้ข้อหาบิดเบือนข้อมูลเพื่อโจมตีทางการเมืองต่อโจ ไบเดน รวมไปถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายในสภาคองเกรสเมื่อวันที่ 6 มกราคม แต่เขาถูกวุฒิสภาเสียงข้างมากจากพรรครีพับลิกันตัดสินให้พ้นผิดทั้งสองข้อหา