แนะผู้บริโภคเรียกร้องสิทธิ์คืนเงินพร้อมดอกเบี้ย สภาผู้บริโภค เผยกรณีแอชตัน อโศก ควรเพิ่มกลไกคุ้มครองผู้บริโภค รวมถึงตีความกฎหมายให้รัดกุม เพื่อสร้างบรรทัดฐานการอยู่ร่วมกันของคนในชุมชน สภาผู้บริโภค เผยบทความกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาสั่งเพิกถอนใบอนุญาตโครงการคอนโดมิเนียมแอชตัน อโศก ว่า เป็นการสร้างบรรทัดฐานการอยู่ร่วมกันของคนในชุมชน และกระตุ้นให้ชุมชนอื่น ๆ เห็นเป็นตัวอย่าง ถึงการเรียกร้องสิทธิของตนเอง เนื่องจากผู้ฟ้องร้อง ระบุเหตุผลว่า โครงการดังกล่าว มีความสูงกว่า 50 ชั้น ละเมิดสิทธิชุมชนและความเป็นอยู่ส่วนบุคคล รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อนุมัติออกใบอนุญาต ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้มีการปิดกั้น หรือใช้ประโยชน์ถนนสาธารณะนอกวัตถุประสงค์ของกฎหมาย ดังนั้นภาครัฐ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ควรเร่งตรวจสอบอาคารอื่น ๆ ที่อาจเข้าข่ายกรณีของแอชตัน อโศก ทั้งที่อนุมัติแล้วหรืออยู่ระหว่างอนุมัติ เพื่อไม่ให้เกิดบทเรียนซ้ำแบบเดิม และเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับคุณภาพชีวิตของคนในสังคม ควบคู่กับการเพิ่มกลไกคุ้มครองผู้บริโภค โดยเพิ่มสัดส่วนให้ภาคประชาชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุง แก้ไขกฎหมาย ประกาศ ข้อบังคับ รวมถึงการร่วมตรวจสอบโครงการก่อสร้าง โดยให้ภาครัฐนำความเห็นไปพิจารณาร่วมด้วย ซึ่งที่ผ่านมาการจัดรับฟังความคิดเห็นไม่คำนึงถึงสิทธิของประชาชนมากพอ แต่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนและนักธุรกิจมากกว่า สำหรับผู้บริโภคที่ซื้อห้องชุดแล้ว แต่ไม่สามารถอยู่อาศัยได้ตลอดไป ตามวัตถุประสงค์ที่ซื้อ มีสิทธิ์ยกเลิกสัญญา และขอให้บริษัทเจ้าของโครงการฯ คืนเงินทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย โดยเก็บหลักฐาน ได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรที่สามารถติดต่อได้ /เอกสารซื้อขายคอนโด /เอกสารใบเสร็จรับเงิน และเอกสารการเป็นเจ้าของห้องชุด (ในกรณีที่โอนกรรมสิทธิ์แล้ว) รวมถึงผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการฯ ขอคำปรึกษาและร้องเรียนได้ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค