สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า  ฉิน กังหายหน้าหายตาไปจากการทำงานในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศของจีนตั้งแต่เดือนที่แล้ว ท่ามกลางการคาดเดาต่างๆนานา จนเมื่อเย็นวันอังคาร สำนักข่าวซินหัวสื่อเปิดเผยข้อมูลว่าสภานิติบัญญัติสูงสุดของจีนได้ลงมติปลดฉิน กัง ออกจากตำแหน่งแล้ว และแทนที่เขาด้วยหวังอี้ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศคนก่อนหน้า

มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า การหายตัวไปร่วมเดือนของอดีตทูตจีนประจำสหรัฐอเมริกาวัย 57 ปีซึ่งรับตำแหน่งรัฐมนตรีฯในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว อาจเกิดจากการกระทำบกพร่องหรือเสื่อมเสียบางอย่างและถูกเก็บตัวเพื่อสอบสวนอย่างเป็นทางการ สำนักข่าวซินหัวไม่ได้ระบุเหตุผลในการปลดฉิน กัง แต่กล่าวว่า สี จิ้นผิงได้ลงนามในคำสั่งประธานาธิบดีเพื่อประกาศใช้อย่างเป็นทางการแล้ว จีนนิ่งเงียบมานานหลายสัปดาห์เกี่ยวกับชะตากรรมของฉิน ซึ่งไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายนที่เขาได้พบปะกับอันเดรย์ รูเดนโก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซียในกรุงปักกิ่ง และการที่เขาไม่มีส่วนร่วมในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่อินโดนีเซียในอีก 2 สัปดาห์ถัดมา ยิ่งทำให้หลายฝ่ายเกิดความสงสัยมากขึ้น มีข่าวลือแพร่สะพัดทางออนไลน์อ้างว่า ฉิน กังอยู่ภายใต้การสอบสวนอย่างเป็นทางการจากข้อกล่าวหาเรื่องชู้สาวกับผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์ชื่อดัง กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวดังกล่าว ระบุว่า เป็นเอกสิทธิ์ของรัฐบาลปักกิ่งที่จะแต่งตั้งใครให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ และเสริมว่า แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯเองก็ได้พบกับหวังอี้แล้วในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนและก่อนหน้านั้นที่ปักกิ่ง "สหรัฐอเมริกาจะยังคงติดต่อกับรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ รวมทั้งเจ้าหน้าที่จีนคนอื่นๆ และยังคงเชื่อว่าการรักษาช่องทางการติดต่อสื่อสารนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งยังเป็นช่องทางสำคัญในการจัดการความสัมพันธ์นี้ด้วยความรับผิดชอบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาคมระหว่างประเทศคาดหวังจากเรา" กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ระบุในถ้อยแถลง หน้าที่หลายอย่างของฉิน กังในช่วงเดือนที่ผ่านมา ได้อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอย่างหวังอี้เข้ามาทำแทนทั้งหมด โดยหวังอี้ถือเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนและเป็นผู้กำหนดนโยบายต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์ รวมทั้งมีอำนาจเหนือกว่ารัฐมนตรีต่างประเทศในลำดับชั้นของรัฐบาล ทั้งนี้ ช่วงที่ฉิน กังหายตัวไป ทำให้เกิดสุญญากาศที่กระทรวงต่างประเทศของจีน โดยมีการเลื่อนและยกเลิกวาระสำคัญทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไปสองครั้งคือ การเยือนปักกิ่งของโจเซฟ บอร์เรล ผู้แทนระดับสูงด้านนโยบายต่างประเทศและความมั่นคงของสหภาพยุโรป และการเยือนของเจมส์ เคลฟเวอร์ลี รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ