ที่ประชุม คกก.กกท.ได้รับทราบ รายงานผลการแข่งขันกีฬา อาเซียนพาราเกม ครั้งที่ 12 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งประเทศไทยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นอันดับ 2 เกินเป้าหมาย โดยทำได้ 126 เหรียญทอง 110 เหรียญเงิน และ 92 เหรียญทองแดง รองจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งทำได้ 158 เหรียญทอง 148 เหรียญเงิน และ 95 เหรียญทองแดง อันดับ 3เป็นประเทศเวียดนาม 66 เหรียญทอง 59 เหรียญเงิน และ 78 เหรียญทองแดง ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความยินดี และชื่นชมนักกีฬาพร้อมเจ้าหน้าที่ของไทย ที่ทำผลงานได้อย่างน่าภาคภูมิใจ โดยสร้างชื่อเสียงและศักยภาพนักกีฬาคนพิการของไทย ให้เป็นที่ประจักษ์ ทั้งยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนพิการในการเล่นกีฬา และต่อยอดสู่การเป็นนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทย อีกด้วย จากนั้น ที่ประชุมได้เห็นชอบ (ร่าง)แผนการประเมินประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco-Efficiency) ของ กกท.ปี 2566 มุ่งเน้นคำนึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และเห็นชอบ (ร่าง) แผนวิสาหกิจ กกท.ปี 2566-2570 พร้อม (ร่าง) แผนวิสาหกิจด้านผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และลูกค้า กกท.ปี 2567-2570 เพื่อส่งเสริมความเป็นเลิศนักกีฬา กีฬาอาชีพ และกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ กกท.ต้องบริหารการพัฒนากีฬาของชาติ ให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ภายใต้มติของคณะกรรมการอย่างเคร่งครัดให้เป็นรูปธรรม และต้องมีการนำอุปกรณ์วิทยาศาสตร์การกีฬามาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด ในทุกประเภทกีฬา และทุกพื้นที่อย่างจริงจังด้วย จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานต่อเนื่องการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2566 โดยได้พิจารณาเรื่องสำคัญเกี่ยวกับ การสนับสนุนนักกีฬาเพื่อการแข่งขันระดับชาติ การแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 48 “กาญจนบุรีเกมส์” รอบชิงชนะเลิศ และการแข่งขันกีฬาคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 38″กาญจนิกาเกมส์” รอบชิงชนะเลิศ ห้วง14-29 ส.ค.66 พร้อมทั้ง เห็นชอบหลักการแจ้งผลสัมฤทธิ์ และมูลค่าเงินรางวัลในการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อการจัดแข่งขัน และส่งแข่งขันกีฬาระดับชาติและระดับนานาชาติ พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำ ผู้จัดการกองทุนฯ ว่าการสนับสนุนเงินกองทุนกีฬา จะต้องเป็นไปตามแผนงาน สอดคล้องวัตถุประสงค์ ถูกต้องตามกฎระเบียบของกองทุนฯโดยเคร่งครัด เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพนักกีฬาและบุคลากรกีฬา