“แต่ก่อนพอกรีดยางเสร็จ ก็ไม่ได้ทำอะไร เอ้อระเหยจนหมดวัน แต่พอมาทำงานกับปิดทองฯ เราใช้เวลาคุ้มค่าขึ้น เพราะมีเรื่องต้องรับผิดชอบมากขึ้น ถึงเวลาเราก็ต้องรดน้ำผัก ถึงเวลาเราก็ต้องดูแลไก่ ให้อาหารไก่” นิตยา ไกรแก้ว หรือ พี่นิด ประกอบอาชีพหลักคือ ทำสวนยางที่บ้านละโพ๊ะ ต.ป่าไร่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ก่อนหน้านี้ พี่นิดและครอบครัวทำสวนยางอยู่ต่างพื้นที่ กระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่โดยรอบ ประจวบเหมาะกับความต้องการที่จะกลับมาดูแลพ่อแม่ในวัยชรา พี่นิดจึงตัดสินใจกลับมาอยู่บ้าน โดยอาศัยทำสวนยางที่มีอยู่เดิมกับการเลี้ยงวัวเป็นอาชีพในการหล่อเลี้ยงชีวิต
หลังกลับมาอยู่บ้านได้สักพัก ก็มีโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน เข้ามาส่งเสริมการปลูกผักปลอดสารพิษในชุมชน โดยใช้พื้นที่ว่างที่เคยเป็นโรงเรียนเก่า ใช้เป็นพื้นที่ปลูกผัก มีสมาชิกทั้งสิ้น 22 คน แบ่งพื้นที่กันปลูกผักไว้บริโภคเอง หากมีเหลือก็จำหน่าย พี่นิดคือหนึ่งในสมาชิกของโครงการฯ ซึ่งต่อมาทำให้พี่นิดมีโอกาสได้ร่วมงานกับโครงการปิดทองหลังพระฯ ในปี 2560 กิจกรรมแรกที่พี่นิดร่วมงานกับโครงการฯ คือการเลี้ยงไก่บ้าน และต่อยอดปลูกผักในแปลงโครงการ 9101 ที่มีอยู่เดิม “ปิดทองฯ เขาให้ชาวบ้านเลือกว่าจะปลูกผักหรือเลี้ยงไก่ เรามีประสบการณ์ปลูกผัก แต่ไม่เคยเลี้ยงไก่มาก่อน แต่ชอบทั้งสองอย่างและอยากลองดู ก็เลยทำทั้งสองอย่างพร้อมกัน เราว่าคงไม่เหนือบ่ากว่าแรงมากนัก เวลาว่างก็ยังมี รอบ ๆ บ้านก็เป็นสวนยางมีพื้นที่สามารถเลี้ยงไก่ได้” พี่นิดเล่า พี่นิด เริ่มต้นเลี้ยงไก่โดยการรับพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไก่มาจากปิดทองฯ โดยเป็นไก่ตัวผู้ 2 ตัว และตัวเมีย 13 ตัว พี่นิดเลือกพันธุ์ไก่บ้านพื้นเมือง เพราะคิดว่าเลี้ยงง่าย สามารถปล่อยเลี้ยงในพื้นที่ข้างบ้าน ให้หากินเองได้ ตอนนั้นพี่นิดคิดแค่ต้องการเลี้ยงไก่ไว้เก็บไข่และมีไก่ไว้กินโดยไม่ต้องซื้อ ไม่นึกว่ามันจะสามารถสร้างรายได้เสริมให้ได้มาถึงทุกวันนี้
พี่นิด เล่าว่า เลี้ยงไก่ด้วยอาหารสำเร็จรูปที่มีขายตามร้านเกษตร โดยให้อาหารลูกไก่แยกประเภทกับไก่โต สลับกันกับอาหารที่ผสมขึ้นเองจากวัตถุดิบที่หาได้ในหมู่บ้านเพื่อลดต้นทุน โดยเจ้าหน้าที่ปิดทองฯ แนะนำว่าให้นำหยวกกล้วยสับละเอียด ผสมกับรำข้าวให้ไก่กิน ซึ่งไก่ก็สามารถเติบโตสมบูรณ์ได้ดีไม่ต่างจากการเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป ในยามเมื่อไก่เกิดโรค เช่น โรคหวัด และโรคขี้ขาว พี่นิดจะใช้ฟ้าทะลายโจรมาตำให้ละเอียด ละลายในน้ำให้ไก่กิน ซึ่งความรู้เหล่านี้ได้จากหนังสือที่เจ้าหน้าที่นำมาให้ จากยูทูบที่พี่นิดลงมือศึกษาค้นคว้า ด้วยตัวเอง และจากปศุสัตว์ที่ปิดทองฯ ประสานงานมาให้ความรู้อยู่เรื่อย ๆ “ของเราเลี้ยงแบบเล็ก ๆ ใช้เวลาว่างจากงานอื่น ๆ มาทำ ไม่เหมือนของคนอื่น ๆ ที่เลี้ยงเป็นอาชีพหลักเป็นร้อย ๆ ตัว มีตู้ฟักไข่และอุปกรณ์อื่น ๆ พร้อมสรรพ ขายออกครั้งหนึ่งก็หลายสิบตัว ทำให้มีรายได้ชัดเจน แต่ของเราขายไป 10 ตัว กิโลกรัมละ 70 บาท ได้เงินประมาณ 1,000 กว่าบาท” พี่นิดเล่า
ปัจจุบัน กลุ่มเลี้ยงไก่ในบ้านละโพ๊ะมีสมาชิกทั้งหมด 13 คน สมาชิกทุกคนจะได้รับการสนับสนุนจากปิดทองฯ ด้านวัสดุอุปกรณ์ทุกอย่างในการทำโรงเรือน โดยมีเงื่อนไขให้สมาชิกผ่อนคืนเงินเข้ากลุ่ม พี่นิดมีหน้าที่เก็บเงินดังกล่าวเข้ากลุ่มทุก ๆ เดือน “ตอนนี้กลุ่มมีทุนสำรองที่ได้จากปิดทองฯ เราให้สมาชิกกู้ยืมสร้างโรงเรือน แล้วก็ผ่อนคืนกลุ่ม ไม่มีดอกเบี้ย ทยอยส่ง 500 บาทต่อเดือนบ้าง 300 บาทบ้าง ตามศักยภาพที่จะจ่ายได้ แต่ต้องไม่ต่ำกว่า 100 บาท” พี่นิดยังบอกอีกว่า การเลี้ยงเป็นกลุ่มมีข้อดีมาก ๆ ตรงที่สามารถรวมกันขาย โดยมีอำนาจต่อรองกับพ่อค้าไม่ให้กดราคาได้ แม้วันนี้ตัวพี่นิดยังไม่เคยขายผ่านกลุ่ม เพราะไก่ยังมีน้อยเกินไป แต่ในอนาคตเมื่อมีเงินลงทุนอีกหน่อยก็จะขยับขยายโรงเรือนจนสามารถเลี้ยงไก่ได้เพิ่มขึ้น พี่นิดก็จะเอามารวมกับเพื่อนสมาชิกอย่างแน่นอน
#ทุกวิกฤติผ่านได้เพราะคนไทยไม่ท้อไม่ถอย
#เชื่อมั่นเศรษฐกิจพอเพียง
#ศาสตร์ของพระราชาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ
Website: www.pidthong.org
Twitter: twitter.com/pidthong
Instagram: instagram.com/pidthonglangphra_
YouTube: https:bit.ly/3qpif42
Line: https:bit.ly/3sumjTn
Tiktok: https:bit.ly/3ZkPmXv