“ตั้งแต่ปิดทองฯ เข้ามาส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่ม อะไรก็ง่ายขึ้น ได้แลกเปลี่ยนกันเรื่องเทคนิคการเลี้ยงดูแพะ มีช่องทางการขายก็จะบอกกัน”
ซารีหา หาแวบือซา หรือ ก๊ะซารีหา เกษตรกรต้นแบบปิดทองหลังพระฯ แห่งบ้านสุเหร่า ต.ท่าน้ำ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เริ่มเลี้ยงแพะตัวแรกตอนอายุยังไม่ถึง 10 ขวบ เพราะเป็นอาชีพที่สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ปัจจุบัน ผ่านมา 30 กว่าปี ก๊ะซารีหาเลี้ยงแพะมาแล้วไม่ต่ำกว่า 200 ตัว ก๊ะบอกว่า “แพะเลี้ยงง่าย อาหารก็หาง่าย ขายก็คล่อง เคยลองไปทำงานอย่างอื่นแล้วเหมือนกัน แต่ก็ไปไม่รอด แพะนี่แหละ สามารถจุนเจือครอบครัวได้ ลูกเข้าโรงเรียน ก็ได้แพะนี้แหละส่งลูกเรียน” หลังจากนั้น ก๊ะซารีหาได้มีโอกาสร่วมงานกับโครงการปิดทองหลังพระฯ ผ่านทางสามีของเธอ มูหามะ สาและ ที่เข้าประชุมร่วมกับปิดทองฯ เมื่อปี 2559 ในการประชุม แบแอ ประธานกลุ่มถามไถ่เรื่องการเลี้ยงแพะที่มูหามะและครอบครัวกำลังทำอยู่ “ตอนนั้นเราก็ไม่รู้หรอกว่าเป็นโครงการฯ แบบไหน แต่ปิดทองฯ เสนอว่าถ้าจะออกทุนให้ก่อน แล้วให้เราคืนเงินเข้ากองทุน เราสนใจจะทำหรือเปล่า เราจะบริหารจัดการได้ไหม ครั้งนั้นผมตอบไปว่าสนใจ พร้อมแจ้งถึงพันธุ์แพะที่อยากได้ เวลาล่วงเลยจนเกือบปี คณะทำงานของปิดทองฯ กลับมาจัดประชุมอีกครั้ง ครั้งนี้ ทางคณะแจ้งว่าแพะที่แจ้งความจำนงไปนั้นกำลังจะมาส่ง ผมดีใจมาก ไม่คิดว่าการพูดคุยกันในวันนั้นจะเกิดขึ้นจริง"
ทั้งสองได้รับแพะ ซึ่งเป็นแพะพระราชทานมา 5 ตัว*** เป็นตัวผู้ 3 และตัวเมีย 2 เป็นพันธุ์แบล็คเบงกอล 1 คู่ พันธุ์สามสายเลือด พันธุ์ซาแนน และพันธุ์ซาแนนนม อย่างละ 1 ตัว เมื่อรวมกับแพะที่เลี้ยงอยู่เดิม ปัจจุบันทั้งสอง เลี้ยงแพะทั้งสิ้นจำนวน 20 ตัว โดยครั้งนั้นเลขาธิการมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงในพระบรมราชูปถัมภ์ กราบบังคมทูลขอพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2561 โดย อธิบดีกรมปศุสัตว์จะดำเนินการนำแพะดังกล่าว จากโครงการพัฒนาดอยตุงฯ ไปให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงแพะฯ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งหลังจากเข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสองเริ่มมีการจดบันทึกข้อมูลของแพะทุกตัว เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการเลี้ยงดูแล “มีวันเกิดแพะด้วย แพะที่บ้านจะมีชื่อทุกตัว ตั้งชื่อตอนเกิดเลย มีข้อมูลครบ เราทำแบบนี้ตั้งแต่ปิดทองฯ มาสอน” แบมูหามะเล่า ส่วนในการเลี้ยง ทั้งสองไม่ได้เลี้ยงแตกต่างจากประสบการณ์ที่มีอยู่เดิมมากนัก โดยจะดูแลเป็นพิเศษก็เฉพาะในระยะแรกที่เป็นช่วงของการปรับตัว เพราะแพะที่ได้รับมอบมาจากภาคเหนือ จึงอ่อนไหวต่อสภาพอากาศและอาหาร ต้องสร้างความคุ้นเคยด้วยภาษาที่แตกต่างจากสถานที่ที่แพะเติบโตมา
ปัจจุบัน ทั้งสองมีรายได้จากการเลี้ยงแพะที่ได้รับพระราชทานกลุ่มนี้ ประมาณ 5,000- 6,000 บาทต่อเดือน ทั้งเป็นรายได้ที่มาจากการขายแพะและขายขี้แพะ โดยมีการจดบันทึกรายละเอียดทั้งรายได้และค่าใช้จ่ายอย่างชัดเจน ตอนนี้ทั้งสองขอรับการสนับสนุนการก่อสร้างโรงเรือนและอุปกรณ์เลี้ยงแพะจากโครงการปิดทองหลังพระฯ เพื่อให้การเลี้ยงแพะมีมาตรฐานเพิ่มขึ้น โดยปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ปิดทองฯ ตั้งไว้ว่าต้องชำระเงินคืนเข้ากลุ่มทุก ๆ เดือน “ปิดทองฯ บอกว่าจะได้มีทุนหมุนเวียนให้สมาชิกกลุ่มคนอื่นได้กู้ยืมไปทำอย่างอื่นที่ต้องการ ตอนนี้ ทุก ๆ เดือน ก๊ะจึงจ่ายเงินคืนให้กับกลุ่มทุกเดือน เดือนละ 100 บาท ไม่เคยขาด” ทั้งสองยืนยันว่า สิ่งที่ได้เรียนรู้จากปิดทองฯ ไม่มีอะไรสูญเปล่า ทุกอย่างล้วนสามารถนำมาใช้ได้จริง “เขามาสอนให้เรารู้จักวางแผนและลงมือทำจริง ส่วนตัวเราเมื่อเราเลือกแล้วว่าจะเลี้ยงแพะ เราก็ต้องจริงจัง ทุกวันนี้เราปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก เราจึงเลี้ยงแพะที่ได้มาเป็นอย่างดี เป็นผลให้แพะของเราไม่ต้องโฆษณาอะไรเลย เวลามีคนมาซื้อมาดู ก็จะดูออกว่าเป็นแพะเลี้ยงดี ไม่ได้เป็นแพะที่เลี้ยงแบบปล่อยท่้งปล่อยขว้าง” ก๊ะซารีหาเล่าถึงผลที่เกิดขึ้นจากการดูแลแพะพระราชทานอันภาคภูมิใจ
มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ
×
