“ความสุขของเราตอนนี้ คือเราได้อยู่บ้าน พ่อแม่ก็มีความสุข คิดว่าเราโชคดีที่เรากลับมาอยู่จุดนี้เร็วกว่าคนอื่น ถ้าวันนั้นเราไม่ได้ตัดสินใจกลับมาอยู่บ้าน ก็ไม่รู้เมื่อไหร่ที่จะได้กลับมา” จากวันที่พ่อแม่อยากให้ลูกสาวออกไปเรียนและทำงานนอกพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ แต่เพราะทนคิดถึงลูกไม่ไหวและอยากให้ลูกกลับมาช่วยงานที่บ้าน จึงรบเร้าขอให้ลูกกลับบ้าน ในวันนั้น “ติ๊ก-ปวณี เขียวจันทร์” ในวัย 28 ปี จึงตัดสินใจกลับบ้าน ที่บ้านละโพะ ต.ป่าไร่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี
จากที่เคยทำงานเป็นเลขานุการใน อ.หาดใหญ่ เป็นเวลากว่า 5 ปี เมื่อต้องกลับมาอยู่บ้าน มาช่วยงานลุง ภายใต้โครงการบัณฑิตอาสา ติ๊กบอกว่าเป็นชีวิตที่ต้องปรับตัวเป็นอย่างมาก เนื่องจากรายได้ที่หายไปกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับค่าตอบแทนที่เคยได้ ในตอนนั้นติ๊กจึงตัดสินใจจะมาช่วยงานแค่ 2 ปี แล้วจะหางานทำใหม่
จนกระทั่งในปี 2559 หมู่บ้านละโพะของติ๊กได้รับการสนับสนุนเรื่องการเลี้ยงไก่ไข่ภายใต้โครงการตำบลละ 5 ล้าน จากอำเภอ ติ๊กจึงเข้าร่วมรับการสนับสนุน ครั้งนี้ด้วยหวังว่าจะได้สร้างรายได้เสริมให้กับตนเองหลังเลิกงาน ติ๊กได้รับไก่มา 10 ตัวเป็นการเริ่มเลี้ยงไก่ไข่ครั้งแรกในชีวิต เลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป ลองผิดลองถูกเรื่อยมา เมื่อจะเก็บไข่ขาย ต้องรอสะสมอยู่หลายวันกว่าจะครบได้ไข่ 1 แผง เพื่อส่งขาย ส่วนใหญ่จึงเก็บไข่ไว้บริโภคอย่างเดียว ติ๊กบอกว่า “ทานไข่จนเบื่อ เช้ามาก็แค่ตักอาหารให้ เขาให้แต่ไก่มา วิธีการเลี้ยงเราต้องหาเอง เริ่มเลี้ยงไปสักระยะก็ซื้อไก่เพิ่มมาอีก 20 ตัว เป็น 30 ตัว ก็ให้อาหารตามปกติ” จากความรู้เดิมของติ๊กคิดว่า เลี้ยงไก่ไข่ต้องเลี้ยงกับอาหารสำเร็จรูปอย่างเดียวถึงจะได้ผล ไม่ยุ่งยาก แค่ตักมาเทให้ก็จบ แค่ 10 นาที ก็เสร็จแล้ว แต่แล้วความคิดของติ๊กก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อได้พบกับโครงการปิดทองหลังพระฯ
มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ