“บ้านโคกสำราญ” ต่อน้ำ ต่อยอด ร่วมเรียนรู้พัฒนาชุมชนร่วมกัน ในอดีต พื้นที่ปลูกผักแปลงรวม ของ ม.1 บ้านโคกสำราญ ต.โคกสำราญ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น ประสบปัญหามีแหล่งน้ำ แต่อยู่ต่ำกว่าแปลงเกษตร ส่งผลให้เกษตรกรต้องช่วยเหลือตนเองโดยการใช้เครื่องสูบน้ำ หรือในบางรายที่แปลงเกษตรอยู่ไกล จำเป็นต้องสูบน้ำใส่ตุ่มใหญ่ แล้วหาบน้ำ เพื่อใช้รดพืชผักสวนครัว นายวันนา เพียแก่นแก้ว เกษตรกร ม.11 บ้านโคกสำราญ กล่าวว่า ในสมัยอดีตมีความลำบาก เพราะพื้นที่เกษตรแปลงรวม ถือเป็นแหล่งรายได้เสริมรองจากการทำนาของชุมชน แต่ระบบส่งน้ำไม่เพียงพอ เนื่องจากแหล่งน้ำอยู่ต่ำ และแปลงผักมีขนาดกว้าง ทำให้การใช้น้ำทำการเกษตรไม่ทั่วถึง “แต่ก่อนต้องสูบน้ำขึ้นมาใช้ ค่าน้ำมันหลายบาท แต่ก็ต้องทน หลัง ๆ ชาวบ้านรวมเงินกันซื้อตุ่มตั้งไว้ตามแปลงเกษตร แล้วสูบน้ำไปใส่ ใครจะใช้ก็หาบน้ำเอา ใครอายุเยอะก็ลำบากเพราะต้องหาบน้ำวันละหลายรอบ”
กระทั่งโครงการฝ่าวิกฤติด้วยเศรษฐกิจและสังคมฐานรากให้พัฒนาก้าวไปตามแนวพระราชดำริ เพื่อซ่อมแซมและเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำชุมชนขนาดเล็ก จากสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ได้ดำเนินการติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมหอถังสูง งบประมาณลงทุนรวม 385,620.50 บาท โดยมีชุมชนสละแรงงานร่วมก่อสร้าง นอกจากนี้ หลังก่อสร้างระบบสูบน้ำเรียบร้อยแล้ว เกษตรกรยังมีการต่อระบบน้ำเข้าแปลงด้วยตนเอง หรือในบางรายมีการต่อยอด ติดตั้งระบบรดน้ำแบบสปริงเกอร์ และระบบน้ำหยด เพื่ออำนวยความสะดวก ไม่ต้องหาบน้ำเข้าแปลงเกษตรอย่างที่ผ่านมาในอดีตอีกแล้ว “หลังจากมีโครงการ กลุ่มปลูกผักก็ประชุมร่วมกัน เพื่อตั้งคณะกรรมการน้ำ เพื่อจัดระบบการใช้น้ำ และที่สำคัญคือทุกแปลงต้องติดตั้งมิเตอร์น้ำด้วย”
ปัจจุบัน พื้นที่กว่า 12 ไร่ 2 งาน 25 ตารางวา บริเวณ ม.1 บ้านโคกสำราญ ต.โคกสำราญ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น เต็มไปด้วยพืชผักสวนครัวสีเขียวสดนานาชนิด ที่พร้อมเก็บเกี่ยวไปจำหน่าย ซึ่งความอุดมสมบูรณ์จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากเกษตรกรบ้านโคกสำราญ ไม่ได้เข้าร่วมโครงการฝ่าวิกฤติด้วยเศรษฐกิจและสังคมฐานรากให้พัฒนาก้าวไปตามแนวพระราชดำริ เพื่อซ่อมแซมและเพิ่มประสิทธิภาพแหล่งน้ำชุมชนขนาดเล็ก ที่ช่วยให้ชุมชนได้ใช้น้ำทำการเกษตรอย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว ยังเพื่อต่อยอดกิจกรรมการเกษตรเพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร รวมทั้งถ่ายทอดองค์ความรู้และแนวพระราชดำริไปสู่ผู้ว่างงานเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการประกอบอาชีพในอนาคตอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก จดหมายข่าวปิดทองหลังพระ
มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ