หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย กล่าวถึงเกมอุ่นเครื่องดังกล่าวว่า “เราทำได้ดีในครึ่งแรก มีโอกาสที่ดีหลายครั้งในแดนหน้า แน่นอนว่าครึ่งหลังอาจจะไม่ได้ดีเท่าครึ่งแรก แต่เราพยายามให้ผู้เล่นที่มาอยู่กับเราตลอด 9 วันได้ลงเล่น เรายึดตัวจริงมาจากเกมแรกและเปลี่ยนเพียงบางตำแหน่งเพื่อดูการเล่นของพวกเขา”
“เราไม่มีความสุขและผิดหวังกับผลการแข่งขัน แต่นี่คือเกมอุ่นเครื่องเท่านั้น สิ่งสำคัญคือการที่เราได้เดินทางมาอุ่นเครื่องแบบนี้เพื่อดูว่าเราสามารถต่อสู้กับระดับเอเชียได้หรือไม่ ซึ่งตลอดทั้ง 2 เกมเราแสดงให้เห็นว่าเราสามารถสู้ได้ แค่เราจะต้องมีสมาธิกับการเล่นระดับนี้ให้มากขึ้นเพื่อให้ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ และเชื่อว่าหลังจากนี้ทีมชาติไทยจะทำได้”
“ผมอยากบอกกับแฟนบอลชาวไทยว่าขอให้เชื่อมั่นทีมชาติไทยเอาไว้ นี่แค่เกมอุ่นเครื่อง แน่นอนว่าเราอยากชนะ แต่ได้เห็นว่าทีมมีคุณภาพสามารถสู้กับทีมระดับเอเชียได้ ดังนั้นอย่าเพิ่งยอมแพ้ และผมเชื่อว่าเราจะมีเอเชียนคัพที่ดีอย่างแน่นอน”
ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติทวีปเอเชียรายการเอเชียนคัพ 2023 ที่กาตาร์เป็นเจ้าภาพจากการแข่งขัน ระหว่างวันที่ 12 ม.ค.-10 ก.พ.67 มี 24 ทีมลงทำการแข่งขัน โดยมีกำหนดการจับสลากในวันที่ 11 พ.ค. 66 ที่คาทาร่า โอเปร่า เฮ้าส์ ในกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์
สำหรับรูปแบบการจับสลากครั้งที่ผ่านมาของเอเซียน คัพ 2019 ก่อนหน้านี้สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชียได้กำหนดรูปแบบไว้โดยทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชียรอบสุดท้าย(12ทีม) จะเป็นทีมวางได้โถ 1 และโถ 2 รวมไปถึงเจ้าภาพจะอยู่โถ1 ส่วนทีมโถ 3 และโถ 4 จะดูจากอันดับแรงกิ้งฟีฟ่า ก่อนจับสลากการแข่งขัน
สถานการณ์ 24 ทีมก่อนจับสลากเอเซียน คัพ 2023
โถ1 : กาตาร์(60-เจ้าภาพ), ญี่ปุ่น(20), อิหร่าน(24), เกาหลีใต้(25), ออสเตรเลีย(27), ซาอุดิอาระเบีย(49)
โถ2 : อิรัก(68), ยูเออี(79), โอมาน(75), จีน(80), ซีเรีย(90), เวียดนาม(96)
โถ3 : เลบานอน(99), อุซเบกิสถาน(77), จอร์แดน(84), บาห์เรน(85), ปาเลสไตน์(93), คีกีซสถาน(94)
โถ4 : อินเดีย(106), ทาจิกิสถาน(108), ไทย(111), มาเลเซีย(145), ฮ่องกง(146), อินโดนีเซีย(151)