สื่อบีบีซีรายงานว่า เฟด ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งที่ระดับ 2.5 %  เพื่อพยายามทำให้เกิดความเสถียรภาพด้านราคา แม้ว่าจะเกิดความปั่นป่วนในภาคธนาคารก็ตาม  พร้อมกับกล่าวว่าระบบธนาคารในสหรัฐมีความยืดหยุ่น แต่ก็เตือนด้วยว่าผลลัพธ์จากความล้มเหลวในภาคธนาคาร  อาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ โดยนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดยังคงมุ่งเน้นต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ และว่า กรณีการล้มของธนาคารซิลิคอน แวลลีย์ ไม่อาจถูกนำมาใช้เป็นบทสรุปถึงสถานการณ์โดยรวมได้ในระบบการเงินที่แข็งแกร่งของสหรัฐ  แต่เขาก็ยอมรับว่า ความปั่นป่วนในภาคธนาคารเมื่อเร็วๆนี้ น่าจะทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างชะลอตัว ซึ่งผลกระทบที่แท้จริงยังคงไม่ชัดเจน นายพาวเวลล์ กล่าวอีกว่า เฟดอาจสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกน้อยลงได้ หากความปั่นป่วนในระบบการเงินทำให้ธนาคารต่างๆจำกัดการปล่อยกู้ และเศรษฐกิจชะลอตัวเร็วขึ้น แต่เขาย้ำว่าเฟดจะไม่ล้มเลิกการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ  เฟดยังคาดการณ์ ว่า  เศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้จะโตเพียง 0.4 % และ 1.2% ในปี 2567  ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา การปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 9 ติดต่อกันของเฟด ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยปรับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 4.75 % -5 % เพิ่มขึ้นจากระดับใกล้เคียงศูนย์เมื่อ 1 ปีก่อน ด้านธนาคารแห่งอังกฤษก็มีกำหนดจะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของตนในวันนี้ หลังจากมีตัวเลขอย่างเป็นทางการออกมาว่า ภาวะเงินเฟ้อในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาพุ่งขึ้นแตะระดับ 10.4 % อย่างไม่คาดคิด ธนาคารกลางสหรัฐปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย