ออสเตรเลียกำลังเผชิญกับคลื่นอากาศร้อนที่แผ่ปกคลุมออสเตรเลีย โดยเฉพาะพื้นที่ทางตะวันออก ซึ่งเป็นที่ตั้งของนครซิดนีย์ เมืองใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย โดยอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส
นับเป็นสภาพอากาศร้อนที่สุดในรอบ 2 ปี นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 และก่อให้เกิดความเสี่ยงจะเกิดจุดไฟป่าเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ ทางการออสเตรเลียได้ยกระดับการระวังไฟป่าครั้งแรกในรอบ 2 ปีแล้ว
ด้านสถาบันการศึกษาในออสเตรเลีย อย่างน้อย 35 แห่ง ประกาศปิดการเรียนการสอน เนื่องจากผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนจัด ขณะที่ หน่วยดับเพลิงในพื้นที่เสี่ยง ได้เตรียมความพร้อมในการรับมือไฟป่าที่อาจเกิดขึ้น หลังมีรายงานว่า เกิดไฟป่ากว่า 40 จุด ในพื้นที่รัฐนิวเซาท์เวลส์
ล่าสุด มีรายงานว่า เกิดไฟป่า 33 แห่ง ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย รวมถึง ไฟไหม้ป่าพื้นที่ 250 กิโลเมตรแห่งหนึ่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครซิดนีย์ เมืองเอกของรัฐนิวเซาท์เวลส์ โดยไฟป่าดังกล่าว ส่งผลให้บ้านเรือนหลายหลังถูกไฟไหม้จนได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้ อุปสรรคเรื่องลมแรง ยังทำให้การดับไฟป่าเป็นไปได้ยากขึ้น อีกทั้ง สำนักงานอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียเตือนว่า อาจจะมีพายุฟ้าคะนองในอากาศแห้ง (Dry thunderstorm) ทั่วทั้งพื้นที่ทางตะวันออกของประเทศ รวมถึงรัฐนิวเซาท์เวลส์ อาจจะทำให้เกิดไฟป่าเพิ่มอีก คาดว่า จะมีอากาศร้อนและแห้งต่อเนื่องไปจนถึงวันพรุ่งนี้
ก่อนหน้านี้ เกิดปรากฏการณ์ลานีญา ในพื้นที่ทางภาคตะวันออกของออสเตรเลีย 3 ปีติดต่อกัน ทำให้มีฝนมากกว่าปกติ จนทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง ผู้เชี่ยวชาญของออสเตรเลีย เตือนว่า อากาศอาจจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หรืออาจจะเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ คือ อากาศร้อนและแห้งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงในเดือนกันยายนนี้
ออสเตรเลียเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติหนักที่สุดในโลก เช่น เหตุไฟป่าครั้งใหญ่ระหว่างปี 2562-2563 มีคนเสียชีวิต 33 ราย สัตว์ป่าและนกตาย 3,000 ล้านตัว
ที่มา BBC, Reuters