ที่ประชุมได้รับทราบ ผลการดำเนินงานที่สำคัญของ กกท.ประจำปี66 ไตรมาสที่ 1 ตามตัวชี้วัด รายการบริหารจัดการกีฬาเพื่อความเป็นเลิศ โดยประเทศไทยประสบความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ มีเป้าหมายอันดับ1(กีฬาสากล) จากการแข่งขันกีฬาซีเกมส์และอาเซียนพาราเกมส์ รายการบริหารจัดการกีฬาอาชีพและกีฬามวยนักกีฬาสามารถยึดเป็นอาชีพได้เพิ่มขึ้น มีเป้าหมายเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5ต่อปี และการบริหารกีฬา เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจมีเป้าหมายเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5ต่อปี
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ การจัดสรรเงินอุดหนุนให้กีฬาจังหวัด ประจำปี 66 เพื่อส่งเสริมการพัฒนากีฬาให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมทั้งเห็นชอบให้เสนอแผนโครงการจำนวน 33 โครงการ เพื่อขอรับการสนับสนุนงบจากกองทุนพัฒนาการกีฬาฯ ปี66 รวมทั้งเห็นชอบ ตามที่ กกท.เสนอให้ กทม.,จ.ชลบุรี และ จ.สงขลา เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 (9-20 ธ.ค.68) และให้ จ.นครราชสีมา เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกม ครั้งที่ 13 (20-26 ม.ค.69) ก่อนเสนอ ครม.ทราบต่อไป
พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวชื่นชม กกท.และสมาคมกีฬาหลายประเภท ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย และทำให้คนไทยมีความสุขในช่วงที่ผ่านมา จากผลการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ อาทิ สมาคมฟุตบอลฯ แบดมินตัน และอื่นๆ เป็นต้น และขอให้นักกีฬาทุกประเภท มีความมุ่งมั่น ตั้งใจฝึกซ้อมเพื่อการแข่งขันในรายการระดับสากล ต่อไป พร้อมกำชับให้จังหวัดที่จะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์และพาราเกมส์ ต้องเตรียมการให้มีความพร้อมอย่างดีที่สุด เพื่อให้มีมาตรฐาน และรักษาชื่อเสียงของประเทศไทย รวมถึงการจัดการแข่งขันอื่นๆ เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้ด้วย
โดยที่ประชุมรับทราบเจ้าภาพ กัมพูชา จะมีการปรับรุ่นการแข่งขันอีกรอบ รวมถึงลดจำนวนนักกีฬาจากเดิม 12 คน เหลือเพียง 10 คน ทำให้ทีมเจ็ตสกีไทย ต้องปรับทัพกันวุ่น โดยเฉพาะทีมงานผู้ฝึกสอนต้องเตรียมทำการบ้านกันหนักในการรับมือกับกลยุทธ์ต่างๆของเจ้าภาพ เนื่องจากการเปลี่ยนตัวนักกีฬาไปมา มีผลต่อการวางตัวนักแข่งที่ลงทำการชิงชัย แต่ยังมั่นใจทัพนักซิ่งบนผิวน้ำทีมชาติไทยชุดนี้จะทำได้สำเร็จตามเป้าหมายอย่างแน่นอน
ขณะที่จำนวนรุ่นการแข่งขันของกีฬาเจ็ตสกี ยังคงมีจำนวน 6 รุ่นเช่นเดิม โดย 1 ใน 6 รุ่น มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง โดย ยกเลิก รุ่นเรือยืน 2 จังหวะ (SKI LITE) เปลี่ยนแปลง เป็นเรือนั่งปรับแต่งเครื่องยนต์ (RUNABOUT LIMITED) ทำให้ต้องเรียกตัวนักกีฬาเจ็ตสกีในรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงกลับมาอยู่ในแผนงานอีกครั้ง ซึ่งจำนวนนักกีฬาจะต้องมีการตัดตัวให้เหลือเพียง 10 คน เพื่อลงทำการแข่งขัน 6 รุ่น ถือเป็นงานหนักของคณะทีมงาน ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬาเจ็ตสกีฯ เพราะแต่ละคนที่ผ่านการคัดเลือกมีสิทธิ์ลุ้นเหรียญรางวัลทุกคน ถือเป็นงานยากในการตัดตัวนักกีฬา แต่สมาคมฯ มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนว่า จะนำวิทยาศาสตร์การกีฬา มาเป็นตัวชี้วัดผลทดสอบสมรรถภาพนักกีฬาในการตัดตัว เพื่อให้ได้นักกีฬาเจ็ตสกีที่มีความฟิตพร้อมที่สุดในการลงทำหน้าที่ในนามทีมชาติไทย