โดยบ้านป้าทุ้ม เป็นหนึ่งในบ้านเรือนราษฎรหลายร้อยหลังที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในปี 2521,2523, 2525 รวม 3 ครั้ง โดยทรงรับราษฎรบ้านหนองแข้เป็นสมาชิกศิลปาชีพฯ เพื่อให้มีรายได้เสริมจากการทอผ้าและอนุรักษ์ลวดลายผ้าไทย
.
โอกาสนี้ มีพระปฏิสันถารแก่นางเหมือย สุพร ลูกสาวป้าทุ้ม พร้อมบุตรหลานป้าทุ้ม-ป้าไท้ แล้วทอดพระเนตรการทอผ้าไหมลายโคมยอดสนของนางไพบูลย์ ตองตาสี ซึ่งเป็นหลานสาวป้าไท้ และเป็นสมาชิกกลุ่มทอผ้าไหมบ้านหนองแข้ ที่ยังสืบทอดการทอผ้าเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้มาถึงปัจจุบัน โดยทอผ้าไหมจำหน่ายและยังได้ส่งให้มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ทุก3เดือน
.
สำหรับการทอผ้าในวันนี้ได้เลือกทอผ้าไหมลายโคมยอดสนเป็นลายเดียวกับฉลองพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และได้ย้อมสีไหมด้วยสีย้อมธรรมชาติจากเปลือกต้นสะเดาโดยเส้นพุ่งย้อมเปลือกสะเดาแล้วลงน้ำสนิมที่มีอยู่บ่อเดียวในอำเภอโคกสุพรรณช่วยเปลี่ยนสีให้เห็นชัดขึ้น
.
พร้อมกับทอดพระเนตรประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์บ้านป้าทุ้ม-ป้าไท้ และการจัดแสดงฉลองพระองค์ผ้าไหมมัดหมี่ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (จำลอง) ซึ่งนางไท้ แสงวงค์ ได้รับพระราชทานมาเป็นต้นแบบอนุรักษ์ลวดลายโบราณ อีกทั้งมีการจัดแสดงลายผ้าต่าง ๆ เช่น ลายโบราณเครือสองข้อ ลายนกนางแอ่น และลายไอ่คำ เป็นลายผ้าซิ่นที่ป้าทุ้ม-ป้าไท้ สวมใส่ไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ แล้วสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทอดพระเนตรเห็นความสวยงามของลายผ้าซิ่นแล้วมีพระราชเสาวนีย์ให้อนุรักษ์การทอผ้าและส่งเสริมการทอผ้าให้เป็นผลิตภัณฑ์จำหน่ายนอกเหนือจากการใช้สอยในครัวเรือน
.
ราษฎรบ้านหนองแข้ ได้ประกอบอาชีพทอผ้าและมีการสืบสานอนุรักษ์ภูมิปัญญาการทอผ้าไหมมัดหมี่แบบดั้งเดิม มีขั้นตอนเริ่มตั้งแต่การเลี้ยงหม่อนไหม การสาวไหม การตีเกลียว การลอกกาวไหม การย้อมสีธรรมชาติ การมัดหมี่หรือการสร้างลวดลายผ้า ที่ผ่านมา มีนักเรียนโรงเรียนร่มเกล้า จังหวัดสกลนคร และผู้สนใจ ได้ไปศึกษาเรียนรู้การทอผ้าที่พิพิธภัณฑ์นี้
.
จากนั้น ทอดพระเนตรผลิตภัณฑ์ผ้าไทยและงานหัตถกรรมชุมชนของกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ในจังหวัดสกลนครทั้ง 18 อำเภอ เช่น กลุ่มทอผ้าบ้านกุดจิก อำเภอวานรนิวาส ที่ประกอบอาชีพทอผ้าจำหน่าย มีการทอผ้าต่าง ๆ ได้แก่ ผ้าขาวม้า ผ้าย้อมคราม ผ้ามัดหมี่และผ้าฝ้าย โดยนำลายผ้าพระราชทาน"ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ" มาทอผ้าฝ้ายจำหน่ายเป็นผ้าชุดสำหรับตัดเย็บเสื้อผ้า กลุ่มทอผ้ากี่กระตุกบ้านนางัว อำเภอสว่างแดนดิน ซึ่งได้มีการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผ้าทอเป็นผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ หมวก กระเป๋า ยาม และกลุ่มทอผ้าวงศ์พระจันทร์ อำเภอโพนนาแก้ว ที่เพิ่งได้คิดค้นสีย้อมธรรมชาติจากดอกดินหรือดอกข้าวก่ำใช้ย้อมผ้าได้เป็นสีม่วงพาสเทล นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมคราม ผลิตภัณฑที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสกลนคร
.
ต่อจากนั้น ทรงพระดำเนินไปยังศูนย์แสดง จำหน่าย ออกแบบผลิตภัณฑ์ผ้าคราม ไหมย้อมคราม พระราชทานพระวโรกาสให้กลุ่มทอผ้าและหัตถกรรม 14 กลุ่มเฝ้ารับพระราชทานคำแนะนำในการพัฒนาลายผ้าเพื่อยกระดับผ้าไทยให้มีความร่วมสมัยแต่ยังคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ความเป็นธรรมชาติและการบอกเล่าเรื่องราวประจำภูมิภาคให้เป็นที่ยอมรับและความต้องการของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าและแฟชั่นแนวหน้าของเมืองไทยไปร่วมให้คำแนะนำและให้คำปรึกษาแก่กลุ่มทอผ้าที่ไปเฝ้ารับเสด็จ