นายกฯ ฉุนจัด ค่าแรงขั้นต่ำขึ้นไม่ถึง 400 บาท ซัดนายจ้าง ได้ประโยชน์จากนโยบาย รบ.ตั้งเยอะ แต่กลับจะมากดค่าจ้างแรงงาน ลั่น จว.ภาคใต้ ขึ้นแค่ 2 บาท ยังซื้อไข่ครึ่งลูกยังไม่ได้ ยืนยันไม่เห็นด้วย เตรียมเจรจา คกก.ไตรภาคีใหม่

9 ธ.ค.66.-นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการไตรภาคี เคาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ ตั้งแต่อัตราวันละ 2-16 บาท สูงสุด 370 บาทที่ภูเก็ต ส่วน กทม.-ปริมณฑล 363 บาท และจังหวัดชายแดนใต้ 330 บาท โดยระบุว่า ตนไม่สบายใจเรื่องค่าแรง ซึ่งไม่สบายใจอย่างมาก เพราะว่า ทุกคนทราบดีว่าค่าแรงขั้นต่ำของประเทศเราไม่ได้ขึ้นมานานมาก ขึ้นมาน้อยมาก และค่าครองชีพก็สูงขึ้นทุกวัน 

โดยรัฐบาลเองก็พยามทำหลายๆ วิธีแล้ว ที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นค่าไฟ หรือค่าน้ำมันเชื้อเพลิง การพักหนี้เกษตรกร และการแก้ไขหนี้ทั้งในระบบ และนอกระบบ รวมถึงอีกหลายๆ อย่าง ที่จะช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ของพี่น้องประชาชน เพื่อลดค่าใช้จ่าย แต่ว่าเรื่องของการเพิ่มรายได้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะประชาชนหลาย 10 ล้านคน ก็ต้องพึ่งค่าแรงขั้นต่ำ โดยมีบางจังหวัดขึ้นไป 7-12 บาท ตนคิดว่าน้อยเกินไป ในขณะที่รัฐบาลกำลังจะยกระดับให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ มีอุตสาหกรรมไฮเทค พี่น้องประชาชนมีรายได้ที่สูงขึ้น 

โดยรัฐบาลเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อเชื้อเชิญให้นักลงทุนในบริษัทใหญ่ๆ มาลงทุนที่ประเทศไทย และเรื่องของการไปเปิดตลาดการค้าขายใหม่ ในประเทศต่างๆ ที่ประเทศไทยยังไม่มีคู่สัญญาการค้าเลย ซึ่งเหล่านี้รัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว 

แต่ว่าผู้ประกอบการ หรือนายจ้าง ตนขออ้อนวอน และวิงวอน พี่น้องแรงงานคือ กลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เมื่อมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลพยายามทำทุกอย่างแล้ว แต่การขึ้นค่าแรงให้กับพวกเขาคือสิ่งที่ต้องพยายามทำ ไม่ใช่ว่ามากดค่าจ้าง และนายจ้างเองก็ไม่ได้พัฒนากิจการของตนเองเลย ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลก็พยามช่วยเหลือในการเปิดตลาดใหม่ๆ ต้องพัฒนาตัวเอง โดยปัจจุบันนายจ้างเองก็ได้ประโยชน์จากการลดค่าไฟ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง 

วันนี้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องยอมเหรอ ที่จะให้พี่น้องประชาชน และแรงงาน มีค่าแรงที่ต่ำติดดินอย่างนี้ ประเทศใกล้เคียงเราอย่างประเทศเกาหลี, ญี่ปุ่น หรือว่าประเทศสิงคโปร์ มีค่าแรงขั้นต่ำต่อวันหลักพัน ซึ่งเราจะยอมให้แรงงานไทยของเรา เป็นประชาชนชั้นสองชั้นสามของโลกเหรอ ในเมื่อค่าแรงต่ำติดดินขนาดนี้ ในขณะที่นัดบาสเองก็พยามยกระดับภาคอุตสาหกรรม รายได้ ให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งต้องไปพร้อมๆ กันและควบคู่กันไป ซึ่งตนต้องขอทบทวนค่าแรงดังกล่าวใหม่ 

ส่วนนายกรัฐมนตรีจะมีแนวทางในการเจรจาอย่างไรให้สมเหตุสมผลนั้น นายเศรษฐากล่าวว่า ก็ต้องไปนั่งดู เพราะเพื่อทราบข่าวเมื่อวานตอนเย็น ซึ่งต้องมาพูดคุยกัน โดยไม่ใช่เรื่องสั่งการหรืออะไร พร้อมย้อนถามกลับสื่อมวลชน คิดว่าเหตุการณ์นี้สมเหตุสมผลหรือไม่ โดยเราพูดกันถึงองค์รวมในการทำธุรกิจ ไม่ใช่จะขึ้นแค่ค่าใช้จ่ายให้กับผู้ประกอบการ หรือนายจ้างอย่างเดียว เราพูดถึงรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น การเปิดตลาดที่มากขึ้น ซึ่งการลดค่าไฟฟ้าโรงงานอุตสาหกรรม และนายจ้างต่างๆ ก็ได้ประโยชน์ คิดว่าถึงเวลาที่ต้องคืนเงินให้กลับในภาคการผลิตหรือไม่ 

ส่วน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไม่ได้การปรับค่าแรงขึ้นมาเป็นระยะเวลานาน แต่มีการปรับครั้งนี้แค่ 2 บาท นายเศรษฐากล่าวว่า ตนก็คิดเช่นนั้น เหมือนกัน โดย สัปดาห์ที่แล้วได้เดินทางไปพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย ก็ได้พูดคุยกันเรื่องของนิคมอุตสาหกรรม พูดคุยที่จะเร่งรัดเรื่องการท่องเที่ยวให้ดีขึ้น มีการเปิดด่านสะเดา มีการเปิดสะพานข้ามไปประเทศมาเลเซีย ก็สามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการอยู่แล้ว ตนจึงไม่เข้าใจว่าทำไมถึงขึ้นแค่ 2-3 บาท ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าคณะกรรมการไตรภาคีประเมินอย่างไร เพราะยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่มีความไม่สบายใจเป็นอย่างมาก ซึ่งต้องมีการพูดคุยกันพร้อมกับคณะรัฐมนตรี เพราะเรื่องนี้เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล

สำหรับมุมส่วนตัวนายกรัฐมนตรี มองว่าควรขึ้นค่าแรงขั้นต่ำอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องขึ้นไปสูงกว่านี้ แต่ต้องรับฟังเหตุผลเขาก่อน แต่อย่างที่กล่าวว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขึ้นแค่ 2 บาท ซื้อไข่ลูกหนึ่งยังไม่ได้ 

ส่วนนายจ้างจะอ้างผลประกอบการ เนื่องจากเศรษฐกิจช่วงนี้ไม่ดีหรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุว่า รัฐบาลพยายามช่วยอยู่ อย่างที่เคยอธิบายให้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นการไปต่างประเทศ ดึงดูดนักลงทุน มีการสร้างซัพพลายเชน ซึ่งทุกคนได้ประโยชน์ รวมไปถึงการลดค่าไฟฟ้า ซึ่งถามว่าได้ประโยชน์ไหม ซึ่งรัฐบาลเองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลักอยู่แล้ว 

ส่วนมีข้อกังวลว่าจะมีการย้ายฐานผลิตของบริษัทยักษ์ใหญ่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มีหรอก ตนคิดว่าอันนี้เป็นวาทะกรรม ไม่มีใครย้ายเพราะค่าแรงขึ้นมาจาก 300 เป็น 400 บาท ยืนยันว่าไม่มีหรอก เพราะเรามีมาตรการสำคัญในการสนับสนุนด้านภาษี เรามีระบบสาธารณสุขที่ดี ซึ่งใครๆ ก็อยากมาศึกษาเรา โรงเรียนนานาชาติก็ดี สนามบินเราก็ดี ซึ่งหลายๆ อย่างมีความพร้อมที่จะเข้ามาลงทุน ชื่อว่าทุกคนก็เห็นอยู่แล้วที่รัฐบาลไปต่างประเทศก็มีการเซ็น MOU กับบริษัทใหญ่ทั้งนั้น ซึ่งสมมุติเรื่องของรถยนต์ EV ก็ไม่ได้นำโรงงานประกอบรถยนต์มาอย่างเดียว ซึ่งซัพพลายเชนทั้งหลายก็จะตามมาด้วย โดยหากไม่ช่วยกันก็ไปลำบาก 

โดยหากพ้นช่วงวันหยุดราชการ 1-2 วันนี้ไปแล้ว ก็จะมีการเรียกพูดคุยกัน ซึ่งเบื้องต้นก็ได้พูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ไปบ้างแล้ว อยากให้ท่านดูสามัญสำนึก อย่างที่เห็นว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้นมาเพียงไม่กี่บาท พร้อมกับบอกให้ผู้สื่อข่าวตะโกนตัวเลขดังๆ ก็คือ 2 บาท ไข่ครึ่งลูกก็ยังไม่ได้ อยากให้คิดใจเขา ใจเรา 

เมื่อถามว่าใจจริงนายกรัฐมนตรี อยากให้ขึ้นค่าแรงเป็น 400 บาทหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ต้องดูความเหมาะสม จังหวะใหญ่ๆ อาจจะ 400 บาท จังหวัดเล็กๆก็อาจจะไม่ถึง ซึ่งต้องดูความเหมาะสม 

โดยเรื่องที่รัฐบาลพยามทำอยู่ก็คือการเปิด ศูนย์การค้าชายแดน พยายามที่จะตั้งอาคารศุลกากรขึ้นมา เรื่องของ Single window Single form เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนายจ้างทั้งหลาย ในการส่งสินค้าออกไป และอำนวยความสะดวกให้มากขึ้น เร่งเพิ่มรายได้ขึ้นมา

เมื่อถามว่าหลังมติ คณะกรรมการไตรภาคีออกมาแต่ละครั้ง จะทำอย่างไรไม่ให้ประชาชนต้องลงถนน รวมไปถึงสร้างความมั่นใจ นายเศรษฐากล่าวว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญ พอประกาศไปเมื่อวานนี้ ตนก็แสดงแสดงความคิดเห็นทันทีว่าไม่เห็นด้วย เพราะเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล ก็ขอให้ดูท่าทีของตนต่อไปก็แล้วกันว่า ตนมีความจริงใจขนาดไหนที่จะแก้ไขเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ รัฐบาลจะผลักภาระไปให้อยู่กับนายจ้างอย่างเดียว ซึ่งการลดรายจ่ายให้กับผู้ประกอบการเราก็ทำอยู่ ก่อนไปที่หอการค้าไทยก็ไปพูด ให้ไปถามว่าพวกเขาดีใจไหมที่รัฐบาลนี้ได้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่วนสภาอุตสาหกรรมก็ไปดูว่ารัฐบาลทำอะไรให้พวกเขาบ้าง เดินทางไปที่จังหวัดสระแก้ว หนองคาย หรือจังหวัดรองทั้งหลาย ทั้งยังมีเรื่องของการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว การออกวีซาฟรี ซึ่งเหล่านี้รัฐบาลก็พยามสร้างความมั่นใจ จึงอยากจะขอให้โตไปด้วยกัน ขอให้เห็นใจกับพี่น้องประชาชนที่ใช้แรงงาน ยืนยันว่าไม่ได้หาเสียง เพราะว่าหาเสียงจบไปแล้ว อยากให้มาดูความเป็นจริงดีกว่า จึงอยากขออ้อนวอนนายจ้างว่า ให้ความเป็นธรรมด้วย 

ส่วนวันที่ 12 ธันวาคมจะมีการเสนอเข้าคณะดนตรีเลยหรือไม่ ตนขอเข้าไปดูข้อกฎหมายก่อน แต่หากเสนอเข้ามาตนไม่ยินยอม เพราะไม่เห็นด้วย อยากดูหลายหลายๆ ประเทศว่าค่าแรงขั้นต่ำเค้าเท่าไหร่  ซึ่งวันนี้เราชนะสิงคโปร์ในแง่ของ การดึงดูดนักลงทุน โดยบริษัทใหญ่ใหญ่เข้ามาสร้าง Data Center ใหญ่ๆ ก็แสดงว่าประเทศเรามีศักยภาพสูง แต่จะกดผู้ใช้แรงงานได้อย่างไร 

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรี เหมือนจะออกอาการฉุน นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวกับฉุน เพราะการเป็นนายกรัฐมนตรีต้องดูแลพี่น้องประชาชน ไม่ได้มาดูแลแต่แค่เพื่อจะเอาคะแนนเสียง ซึ่งก็ไปพูดคุยกับภาคเอกชนโดยตลอด ฟังข้อคิดเห็นโดยตลอดและก็พร้อมปฎิบัติ
/////////