จากต้นหญ้า สู่กำแพงที่มีชีวิต วันนี้เมื่อ ๓๒ ปีที่แล้ว ๒๒ มิถุนายน ๒๕๓๔ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแนวพระราชดำริแก่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ในการศึกษาทดลองการปลูกหญ้าแฝกตามแนวขวางของพื้นที่ลาดเขา เพื่อป้องกันการพังทลายของดินในพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตลอดจนพื้นที่อื่น ๆ พร้อมเก็บข้อมูลการเจริญเติบโตของลำต้นและราก บันทึกความสมบูรณ์ของดินก่อนและหลังปลูก และศึกษาหาพันธุ์หญ้าแฝกที่เหมาะสมกับพื้นที่ โดยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงติดตามงานและมีพระราชดำรัสแนะนำเพื่อปรับปรุงและพัฒนาการใช้หญ้าแฝกอย่างต่อเนื่อง “...ให้ศึกษาทดลองปลูกหญ้าแฝก เพื่อป้องกันการพังทลายของดินในพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตลอดจนพื้นที่อื่น ๆ...”
พระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อวันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๓๔“...ดินแข็งเป็นดานอย่างนี้ทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเราปลูกหญ้าแฝกด้วยวิธีการที่เหมาะสม เมื่อฝนตกลงมาความชื้นจะอยู่ในดินบริเวณเรือนรากของหญ้าแฝกที่ลงรากลึก โดยเฉพาะการปลูกหญ้าแฝกตามแนวระดับขวางทางลาดชัน แนวหญ้าแฝกก็จะเปรียบเหมือนกับกำแพงธรรมชาติที่มีชีวิต ที่จะช่วยหยุดยั้งการพังทลายของดิน ชะลอความเร็วของน้ำที่ไหลบ่า สามารถกักเก็บตะกอนดิน ทำให้เกิดหน้าดินและความชื้นใต้ดิน เมื่อเกิดหน้าดินและดินมีความชื้นจะปลูกผักปลูกหญ้าก็ได้และอีกประการหนึ่งรากของหญ้าแฝกแข็งเป็นพิเศษ อาจสามารถเจาะลงไปในดินที่แข็งเป็นดานได้....”
พระราชกระแสพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ระหว่างเสด็จฯ โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๓๕ และ “...หญ้าแฝกนี้ได้ศึกษามาเป็นเวลาถึงสิบเจ็ดปี อย่างที่ท่านองคมนตรีได้กล่าวเมื่อตะกี้ ซึ่งก็นับว่าเป็นเวลาช้านาน แต่เป็นเวลาที่เป็นประโยชน์มากและได้ ผลอย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์ที่หญ้าชนิดเดียวได้รับการศึกษานานถึงสิบเจ็ดปี แต่ต้องเข้าใจว่าหญ้าแฝกมีหลายชนิดและถ้าไม่ได้ศึกษา ก็ไม่ได้ประโยชน์ขึ้นมาอย่างที่ได้เกิดขึ้น...”
พระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแก่ นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี และคณะผู้ปฏิบัติงานโครงการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ไว้เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๒ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นพระราชดำริที่ทรงให้ไว้เกี่ยวกับการศึกษาทดลองถึงคุณประโยชน์ของหญ้าแฝกทั้งสิ้น นับเป็นเวลากว่า ๓๐ ปี ที่หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนรวมทั้งประชาชนได้มีการดำเนินงานสนองพระราชดำริเรื่อยมา ปัจจุบันการทดลองปลูกหญ้าแฝกบนดินดานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายฯ ประสบผลสำเร็จเป็นแบบอย่างให้กับผู้สนใจเข้าไปศึกษาเรียนรู้และนำกลับไปประยุกต์ใช้ ซึ่งประชาชนทั้งหลายน้อมนำไปใช้พัฒนาที่ดินได้จริง จากพื้นที่เสื่อมโทรมก็กลับฟื้นฟูสามารถกลับมา สร้างผลผลิตได้มากขึ้น “ถ้าไม่ดีจริง หนูก็ไม่ยอมปลูกหรอกค่ะ” ดวงพร มิ่งศิริเจริญ สาวเชื้อสายเมี่ยน เล่าให้ฟังว่า กว่าที่เธอจะตัดสินใจลงมือปลูกหญ้าแฝก ดวงพร และครอบครัวมีแปลงปลูกกาแฟ ๑๐ ไร่ และยังมีแปลงขนาด ๕ ไร่ ที่ทิ้งร้างเนื่องจากเป็นพื้นที่ดินไม่ดีซึ่งเป็นผลมาจากการปลูกไร่ข้าวโพดโดยใช้สารเคมีทำให้ดินเสื่อมลงเป็นกรด และมีความลาดชันมีพื้นที่ต่ำกว่าถนน เมื่อเกิดฝนตกดินถูกน้ำชะล้างลงมาในพื้นที่ “ที่แรกเขาว่าหนูบ้า เอาหญ้ามาปลูก เขาปลูกกาแฟได้เงินกัน นี่มาปลูกหญ้าแฝกทำไม” หลังจากสถานี พัฒนาที่ดินเชียงรายได้เข้ามาส่งเสริมให้ใช้ปุ๋ยหมักควบคู่กับการปลูกหญ้าแฝก ในปีแรกที่ปลูกยังไม่ค่อยเห็นผลเกิดความท้อใจแต่ได้กำลังใจจากครอบครัวบอกว่า “หลาน ๆลูก ๆ เปิดอินเตอร์เน็ตให้ดูว่าหญ้าแฝกนี่เป็นหญ้าของ “พ่อ” ของ “ย่า” เห็นในหลวงท่านยังนั่งลงปลูกหญ้าแฝก แล้วทำไมพวกเราไม่ปลูก สามีก็บอกว่าใครไม่สนใจเราก็ไม่ต้องไปสนใจเขา ที่ดินแถวนี้เราทิ้งว่างเปล่าตั้งเยอะแยะ ลองปลูกดู”
เมื่อเริ่มเข้าปีที่สอง ดินที่เคยแห้งเริ่มมีความชุ่มชื้น เริ่มได้ขายกล้วยที่ปลูกในแปลงนั้น “จากสวนที่ไม่เคยมีรายได้เลย พอปลูกกล้วยได้กินตลอดปีเราก็ดีใจแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะดีขึ้นได้ขนาดนี้ ถ้าพยายามทำให้หญ้าแฝกดีขึ้น ให้ดินชุ่มชื้นกว่านี้ ต่อไปก็น่าจะปลูกกาแฟได้” ต่อมาดวงพรจึงเริ่มแซมต้นกาแฟลงในแปลง นายไพศาล นิจจันทร์พันธ์ศรี ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เล่าว่า “ผมมาเจอหญ้าแฝกผมรักเลยทั้งที่ไม่รู้จักมาก่อน” เริ่มรู้จักหญ้าแฝกมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๗ ตอนนั้นทำสวนอินทผลัมแต่ไม่ได้ผล เมื่อมีการจัดนิทรรศการคลินิคเกษตรและได้ไปดู จึงได้เข้าไปขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ที่มาให้ความรู้และแจกต้นกล้าแฝก เพื่อให้นำไปทดลองปลูก “ผมนำหญ้าแฝกที่ได้วันนั้นไปปลูกเป็นวงกลมล้อมต้นอินทผลัมเอาปุ๋ยหมักใส่ อินทผลัมโตวันโตคืนแล้วก็เป็นลูก ช่วงนั้นมีคนมาดูงานเรื่อย ๆ มาทีก็กินกันที หมดต้นไม่ทันได้สุกสักที”
ในปี ๒๕๕๒ ถึงเวลาการล้มยางพาราแปลงแรก จึงได้โอกาสในการปลูกหญ้าแฝกตามแนวระดับขวางความลาดเทไปตามขอบเขา “เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ปลูกแฝก ฝนมาอย่างแรง น้ำไหลปุ๊บ ๆเลยสภาพดินเมื่อก่อนกัดเซาะเป็นร่องลึก ดูข้างบนได้เลยเหลือแต่ก้อนหินมันชะล้างไปเรื่อย หน้าดินไปหมด” ซึ่งผลที่ได้จากการปลูกแฝกนี้เห็นได้ชัดเจนกับต้นยางพารา ที่นายไพศาล บอกว่า ตอนปลูกหญ้าแฝกแรก ๆ ใบต้นยางพาราจะเหลือง “คนที่มาดูงานเขาบอกว่าหญ้าแฝกมันแย่งอาหารยางแล้ว แต่ไม่ใช่รากยางมันยังไม่ถึงรากหญ้าแฝกดี มันเลยไม่พึ่งพาอาศัยกันและกัน แต่พอรากยางมาถึงหญ้าแฝก ใบก็เขียวแล้ว” ความเปลี่ยนแปลงนี้เองทำให้ผู้มาเยี่ยมเยียนได้เห็นผลเชิงประจักษ์ สิ่งต่าง ๆ ที่ได้ทำได้คิดนั้น ไพศาลบอกว่า ได้น้อมนำมาจากพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทั้งสิ้น “พระองค์ท่านเป็นต้นแบบของการพึ่งพาตนเอง หน่วยงานราชการเข้ามาก็จริง แต่เราก็ต้องรู้จักต่อยอดของเราเอง ประยุกต์ ดัดแปลงพลิกแพลงให้เหมาะกับพื้นที่เรา ถ้าเป็นความคิดของเราเองมันจะยั่งยืน เพราะไม่ลืม”
ไพศาลย้ำว่า สิ่งใดที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงคิดค้นขึ้นมา ปฏิบัติตามแล้วไม่ผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นการปลูกหญ้าแฝกหรือให้ทำเศรษฐกิจพอเพียง เพราะเป็นแนวทางที่ชัดเจนถูกต้องและแลเห็นแต่ผลลัพธ์ที่เป็นความสำเร็จที่ยั่งยืน ติดตามอ่านรายละเอียดลักษณะพิเศษของหญ้าแฝกเพิ่มเติมได้ที่นี่ https:bit.ly/37uzUQ4
ขอบคุณเรื่องเล่าจากหนังสือ "ร้อยเรื่องเล่า : เกร็ดการทรงงาน" ของสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.)
#ทุกวิกฤตผ่านได้เพราะคนไทยไม่ท้อไม่ถอย
#เชื่อมั่นเศรษฐกิจพอเพียง
#ศาสตร์ของพระราชาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
มูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ
Website: www.pidthong.org
Twitter: twitter.com/pidthong
Instagram: instagram.com/pidthonglangphra_
YouTube: https:youtube.com/@pidthong
Line: https:bit.ly/3sumjTn
Tiktok: https:bit.ly/3ZkPmXv